
อีกประเด็นที่น่าสนใจและเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอสมีการปรับตัวที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ก็คือการยอมรับเทรนด์ของอุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อสุขภาพเป็นครั้งแรก ซึ่งทั้งแอนดรอยด์และไอโอเอสต่างออกแอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพมาเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบปฏิบัติการ โดยในฝั่งไอโอเอสจะใช้ชื่อ Apple Health ส่วนฝั่งกูเกิลใช้ชื่อ Google Fit พร้อมปล่อยโค้ดให้นักพัฒนานำไปปรับใช้กับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์วัดสุขภาพของตนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อสร้างมาตรฐานการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการได้ ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้น ทั้งแอปเปิลและกูเกิลก็ยอมต่อยอดระบบปฏิบัติการของตนจากการปรับชุดคำสั่งทั้งหมดให้สามารถรันบนดีไวซ์ที่มีขนาดหน้าจอที่หลากหลายได้ ทำให้ระบบปฏิบัติการทั้งสองสามารถทำงานบนสมาร์ทวอทซ์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างลื่นไหลและไร้รอยต่อมากขึ้น
ทั้งหมดคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับทั้งไอโอเอส 8 และแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop แม้ทิศทางการปรับปรุงและพัฒนาจะต่างกัน แต่ด้านแนวคิดและผลลัพท์ที่ได้ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองระบบปฏิบัติการไม่มีความแตกต่างกันเลย ทั้งแอปเปิลและกูเกิลเริ่มปรับระบบปฏิบัติการโดยเน้นให้โอเอสสามารถเข้ามา เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามากขึ้น
ส่วนด้านเทคนิคฝั่งแอปเปิลต้องการให้ฐานระบบปิดของตนมีความเป็นอิสระมากขึ้น มีการสนับสนุนนักพัฒนาให้เข้ามาร่วมกับโครงการพัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทวอทซ์ รวมถึงฟีเจอร์ปลีกย่อยในไอโอเอส 8 พร้อมขยายความเป็นอิสระให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปจัดการได้ตามต้องการ เช่น กล้องถ่ายภาพในไอโอเอส 8 สามารถแชร์ความสามารถของแอปพลิเคชันตกแต่งรูปอื่นเข้ามาได้ตามความต้องการของผู้ใช้หลายคน ในขณะที่แอนดรอยด์ 5.0 Lollipop ก็พยายามอุดช่องว่างที่เกิดขึ้นจากแอนดรอยด์รุ่นก่อนหน้าให้หมดลง และถือเป็นครั้งแรกที่แอนดรอยด์จะสามารถทำงานแบบ 64 บิตตามแอปเปิลได้อย่างสมบูรณ์
แน่นอนการปรับตัวครั้งนี้ของทั้งสองระบบปฏิบัติการถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อ สิ่งที่ดีกว่าในอนาคต อย่างน้อยสิ่งที่จะได้เห็นในปีหน้าอย่างแน่นอนก็คือ
“สมาร์ทโฟน 64 บิตจะเริ่มทำตลาดอย่างเต็มตัว สมาร์ทวอทซ์และอุปกรณ์เก็บสถิติสุขภาพจะกลายเป็นคู่หูสมาร์ทโฟนของปีหน้าแน่นอน”
เนื่องจากทั้งสองระบบปฏิบัติการพร้อมน้อมรับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ และอีกประเด็นที่น่าจับตามองต่อจากนี้ก็คือในอนาคตไอโอเอส 8 มีสิทธิ์จะเปิดโค้ดอีกหลายส่วนให้นักพัฒนาเข้ามาร่วมวงกับแอปเปิลได้ง่าย ขึ้นพร้อมความอิสระแก่ผู้ใช้จะมากขึ้นตาม ซึ่งนั่นหมายถึงความสามารถหลายส่วนของไอโอเอสจะคล้ายกับแอนดรอยด์หรือเหนือกว่า
ส่วนแอนดรอยด์เองก็จะลื่นไหลขึ้นด้วยซีพียู 64 บิตที่เข้ามาและกูเกิลจะสามารถจบปัญหาแอนดรอยด์ที่บริโภคทรัพยากรเกินความจำเป็นได้หมดสิ้นจนสุดท้ายแอนดรอยด์และไอโอเอสจะมีความรวดเร็วที่ใกล้เคียงกัน สิ่งที่จะตัดสินความน่าใช้ของทั้งสองระบบปฏิบัติการในอนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องการตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์มากกว่าเรื่องสเปกเครื่องที่ปัจจุบันไฮเอนด์ สมาร์ทโฟนฝั่งแอนดรอยด์ก็เริ่มมีความลื่นไหล ความรวดเร็วและการตอบสนองการใช้งานได้ไม่ต่างจากไอโอเอสแล้ว
ที่มา Manageronline
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น